อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ปี 2566 กับการสร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการอัจฉริยะ
การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของโลก (World Digital Competitiveness) โดย IMD เป็นการวัดความสามารถในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ประเทศนั้น ๆ สามารถปรับปรุงและพัฒนาด้านดิจิทัล เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้ โดยในปี 2566 มี 64 ประเทศเข้าร่วมการประเมิน รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย สำหรับเกณฑ์การประเมิน แบ่งเป็น 3 ปัจจัยหลัก คือ 1) ความรู้ (Knowledge) 2) เทคโนโลยี (Technology) 3) ความพร้อมในอนาคต (Future readiness) รวมทั้งหมด 52 ตัวชี้วัด การเก็บข้อมูลแบ่งเป็นการเก็บข้อมูลจากแหล่งข้อมูล (Hard data) เช่น สถิติจากหน่วยงานรัฐบาล หรือข้อมูลจากองค์กรระดับสากล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความเป็นเชื่อถือ และการเก็บข้อมูลจากแบบสำรวจ (Survey data) โดยส่งแบบสำรวจให้กับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลในแต่ละประเทศตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวด้านดิจิทัลและศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยมีสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thailand Management Association : TMA) เป็นหน่วยร่วม (Partnership) อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ได้ถูกนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น “ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุดใหม่” แผนย่อย “การสร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการอัจฉริยะ” ซึ่งกำหนดเป้าหมายคือ “ความสามารถในการแข่งขันด้านการใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีดิจิทัลดีขึ้น” ตัวชี้วัดคือ “ความสามารถในการแข่งขันด้านการใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีดิจิทัล” ค่าเป้าหมายคือ อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ไม่เกินอันดับที่ 30 ภายในปี 2566-2570 อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ปี 2566 อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ปี 2562-2566 ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของโลก โดย IMD ในปี 2566 ประเทศไทยได้อันดับ 35 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5 อันดับ เป็นผลมาจากการเลื่อนอันดับของปัจจัยความรู้ (Knowledge) ดีขึ้น 4 อันดับ ปัจจัยด้านเทคโนโลยี Technology ดีขึ้น 5 อันดับ และปัจจัยความพร้อมในอนาคต (Future readiness) ดีขึ้น 7 อันดับ แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงอยู่ในอันดับต่ำกว่าค่าเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ที่กำหนดไว้ไม่เกินอันดับที่ 30 โดยปัจจัยด้านความรู้และความพร้อมในอนาคต เป็นปัจจัยที่ต้องได้รับการพัฒนา เนื่องผลการประเมินอยู่ในอันดับต่ำ และรายงานของ IMD ระบุจุดอ่อน (Weakness) ที่ต้องได้รับการปรับปรุงพัฒนา มีดังนี้ 1) ปัจจัยความรู้ (Knowledge) เกณฑ์ตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อน คือ จำนวนเฉลี่ยของนักศึกษาต่ออาจารย์ในการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย (Pupil-teacher ratio; tertiary education) และร้อยละของการจ้างงานทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิค (Scientific and technical employment) อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ปี 2566 : ปัจจัยความรู้ (Knowledge) 2) ปัจจัยความพร้อมในอนาคต (Future readiness) เกณฑ์ตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อน คือ ร้อยละของครอบครัวที่มีแท็บเล็ต (Tablet possession) ร้อยละของการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ไม่มีใบอนุญาต (Software piracy) และความสามารถในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของรัฐบาล (Government cyber security capacity) อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทย ปี 2566 : ปัจจัยความพร้อมในอนาคต (Future readiness) สำหรับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งดำเนินโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจไทยด้วยดิจิทัล ภายใต้แผนแม่บทย่อย “การสร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการอัจฉริยะ” โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนา SME ให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผ่านการให้คำปรึกษาเชิงลึกและการฝึกอบรม ซึ่งสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเลื่อนอันดับขึ้นของตัวชี้วัดภายใต้ ปัจจัยความพร้อมในอนาคต (Future readiness) ปัจจัยย่อยความคล่องตัวทางธุรกิจ (Business agility) ซึ่งในปี 2566 เลื่อนอันดับขึ้น 7 ลำดับ จากลำดับที่ 41 เป็น 34 แต่อย่างไรก็ตามยังมีเกณฑ์ตัวชี้วัดที่ผลการประเมินอยู่ในระดับต่ำมาก ได้แก่ ผู้ประกอบการกลัวความล้มเหลว (Entrepreneurial fear of failure) ดังนั้นเพื่อให้อันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทยดีขึ้น ตามที่กำหนดไว้ไม่เกินอันดับที่ 30 ต้องเร่งดำเนินการให้ผู้ประกอบการมีความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือการให้คำแนะนำปรึกษาเชิงลึกเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึง และสามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และขีดความสามารถในการแข่งขันได้ในระดับสากล นางอรพิน อุดมธนะธีระ นักวิเคราะห์นโยบานและแผนเชียวชาญกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม10/07/6 แหล่งที่มาข้อมูล : https://imd.widen.net/view/pdf/udyxlqhqiz/TH_digital.pdf
11 ก.ค. 2024
ค่าแรงขึ้น 1 ต.ค. 65 มาวิเคราะห์กัน!
จากกรณี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 21 (คณะกรรมการไตรภาคี) มีมติปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในรอบ 2 ปี มีผลวันที่ 1 ต.ค. 2565 โดยอัตราสูงสุดอยู่ที่ 354 บาท ต่ำสุด 328 บาท โดยมีเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ 13 ก.ย. 2565 ค่าแรงขั้นต่ำขึ้น มีจังหวัดไหนบ้าง 1. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 354 บาท มี 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต 2. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 353 บาท มี 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร 3. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 345 บาท 1 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา 4. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 343 บาท 1 จังหวัดคือ พระนครศรีอยุธยา 5. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 340 บาท มี 14 จังหวัด อาทิ ปราจีนบุรี หนองคาย พังงา เชียงใหม่ นครราชสีมา และสระบุรี 6. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 338 บาท มี 6 จังหวัด คือ มุกดาหาร กาฬสินธุ์ สกลนคร สมุทรสงคราม จันทบุรี และนครนายก 7. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 335 บาท มี 19 จังหวัด อาทิ เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี บึงกาฬ บุรีรัมย์ และเพชรบุรี 8. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 332 บาท มี 22 จังหวัด อาทิ อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ระนอง และพิจิตร 9. ค่าแรงขั้นต่ำการจ้าง 328 บาท มี 5 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส น่าน และอุดรธานี กระตุ้นภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างไร 1. ผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจคาดสร้างความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยละ 0.6-1 ในปี 65-66 จากที่คาดไว้ที่ร้อยละ 6.4 และร้อยละ 2.8 2. ส่วนผลกระทบต่อกำไรกลุ่มอุตสาหกรรม มองกลุ่มที่ได้รับผลกระทบสูง คือ โรงแรม ร้านอาหารรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ 3. ผลกระทบต่อประมาณการกำไรตลาดปี 66 จะอยู่ที่ราวร้อยละ 0.7 ของประมาณการกำไรต่อหุ้นที่ 104 บาท นายวรัชญ์ ธนชาติสกุล นักวิชาการอุตสาหกรรม กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาพ : TNN Online ที่มาข่าว : กระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 14 ก.ย.65
14 ก.ย. 2022
Critical Thinking คิดอย่างไรให้มีเหตุผล
Critical Thinking หรือ การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล ซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบการเรียนรู้ และเป็นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 เป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่ภาคการศึกษาทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล สามารถทำให้เข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างความคิดต่างๆ ของคนได้ และสามารถกำหนดความสำคัญ และความเกี่ยวข้องในเหตุผลและความคิด นอกจากนี้ยังสามารถแก้ปัญหาอย่างสอดคล้องและเป็นระบบได้ จึงเห็นได้ว่า การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานราบรื่น และประสบผลสำเร็จ เพราะฉะนั้นเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจเรื่องการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลมากขึ้น จะขออธิบายหลักการต่างๆ ของการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลไว้ดังนี้ การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล (Critical Thinking) หมายถึง การคิดเชิงวิพากษ์ หรือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ เป็นกระบวนการคิดที่ชัดเจน มีเหตุผลและมีวินัยทางสติปัญญาในการกำหนด แนวความคิด การประยุกต์วิเคราะห์ การสังเคราะห์ และ/หรือการประเมินข้อมูลที่รวบรวมหรือสร้างขึ้น และเป็นกระบวนการ พัฒนาทักษะที่ทำให้มีความสามารถในการรับรู้ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยการสังเกต ประสบการณ์ การไตร่ตรอง การให้เหตุผล หรือการสื่อสาร เพื่อเป็นแนวทางในการเชื่อและการกระทำ นักคิดจะปรับปรุงกระบวนการคิดของตน โดยการไตร่ตรองและตระหนัก ถึงข้อผิดพลาดและอคติที่อาจเกิดขึ้น กระบวนการ Critical Thinking มี 5 กระบวนการ 1. กำหนดสถานการณ์ เหตุการณ์ ในส่วนนี้จะเป็นการกำหนดสถานการณ์ว่าต้องการจะคิดวิเคราะห์เรื่องใด 2. รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เป็นการเรียบเรียงข้อมูลให้มากที่สุด อาจจะเป็นการหาข้อมูลเพิ่มเติม การสอบถามข้อมูลจากคนอื่น หรือการคิดหาข้อมูลจากความรู้หรือประสบการณ์ในอดีตของตัวเอง 3. วิเคราะห์ข้อมูล คือ การนำข้อมูลที่รวบรวมในขั้นตอนที่ 2 มาวิเคราะห์ และคิดวิเคราะห์ว่าจะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบใด และมีข้อดีและข้อเสียอะไรหรือไม่ โดยใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา (Why Why Analysis) 4. ตั้งสมมติฐานเพื่อแก้ปัญหา คือ การกำหนดทางเลือกของวิธีการแก้ปัญหา 5. สรุปและตัดสินใจ คือ การเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดของสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมา เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ และสามารถปรับปรุงข้อมูลข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง แนวทางการคิดและการตั้งคำถามแบบ Critical Thinking โดยใช้เครื่องมือ 5W-1H ใครเป็นคนพูด (Who) คนพูดเป็นคนที่เรารู้จักหรือไม่ คนพูดเป็นคนที่มีความเหมาะสมหรืออยู่ในตำแหน่งที่น่าเชื่อถือหรือไม่ สิ่งที่พูดนั้นสำคัญมากน้อยเพียงใด พูดเรื่องอะไร (What) สิ่งที่พูดนั้นเป็นข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็น ข้อเท็จจริงนั้นมีครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ พูดที่ไหน (Where) สิ่งที่พูดนั้นเป็นการพูดในที่ชุมชนหรือการพูดแบบส่วนตัว มีทางเลือกมากน้อยเพียงใด พูดเมื่อใด (When) สิ่งที่พูดเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น ช่วงเวลานั้นมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน พูดเพื่ออะไร (Why) คนพูดได้บอกเหตุผลในสิ่งที่พูดหรือการนำเสนอความคิดเห็นหรือไม่ คนพูดพยายาม ทำให้ตัวเองดูดีและคนอื่นๆดูแย่หรือไม่ พูดอย่างไร (How) คนพูดพูดตามที่เขียนหรือเข้าใจสิ่งที่พูดหรือไม่ และตัวเราเข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นพูดหรือไม่ กล่าวโดยสรุป จะเห็นว่า การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล จะมีประโยชน์มากมาย นอกจากจะช่วยให้เรารู้จักคิด วิเคราะห์ หาเหตุผลให้สิ่งต่างๆ และสามารถแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้แล้วนั้น ยังเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการดำเนินชีวิต ซึ่งถ้าทุกคนรู้จักเรียนรู้ทักษะทางด้านนี้ จะทำให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย สามารถช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลได้มากขึ้น และนำไปประยุกต์ใช้จัดการกระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นางสาวกานต์ธิดา สินทรัพย์ นักวิชาการอุตสาหกรรมปฏิบัติการ กลุ่มศึกษาและพัฒนาระบบส่งเสริมอุตสาหกรรม กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
08 มี.ค. 2022
กลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ เขาทำอะไรกัน ?
กลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งบทบาทหลักที่สำคัญ คือ ศึกษาและวิเคราะห์นโยบายความร่วมมือต่างๆ รวมถึงนโยบายการให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศเพื่อวางกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อีกทั้งประสานความช่วยเหลือและร่วมเจรจากับแหล่งความช่วยเหลือ และองค์การระหว่างประเทศ รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนข้อเสนอของไทย เมื่อมีผู้นำหรือผู้แทนจากต่างประเทศมาเยือนกระทรวงอุตสาหกรรม กลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศมีหน้าที่จัดทำข้อมูลประกอบการเจรจาหารือ ตัวอย่างเช่น เอกสารข้อมูลและโครงการต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ และนอกจากนี้ยังมีบทบาทในการจัดประชุมหรือศึกษาดูงานให้คณะที่มาจากต่างประเทศ รวมถึงนำคณะฝ่ายไทยไปประชุมหรือศึกษาดูงานในต่างประเทศด้านการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมการประชุมเจรจาธุรกิจและการประชุมนานาชาติ เป็นต้น เนื่องด้วยประเทศญี่ปุ่นมีความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในหลากหลายมิติจึงได้มีการจัดตั้งโต๊ะญี่ปุ่นขึ้นภายใต้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันมีตัวแทนจากจังหวัดชิมะเนะและจังหวัดวากายามะในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงองค์กรเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และนวัตกรรมภูมิภาคแห่งประเทศญี่ปุ่น (SMRJ) มานั่งประจำประเทศไทยจำนวน 3 ท่าน รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริม SME ไทยและญี่ปุ่น เช่น (1) กิจกรรม CEO Business Matching โดยทางกลุ่มฯ มีหน้าที่ประสานงานหาผู้ประกอบการไทยมาจับคู่พูดคุยทางธุรกิจกับผู้ประกอบการญี่ปุ่น (2) งานสัมนา OTAGAI Forum ซึ่งเป็นการจัดประชุมครั้งใหญ่โดยมีผู้แทนจากจังหวัดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นมาประชุมร่วมกันกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป้าหมาย คือ แลกเปลี่ยนความรู้ข่าวสารแนวโน้มความต้องการของผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น และเพิ่มโอกาสในการจับคู่ทางธุรกิจ และ (3) โครงการ Smart Monozukuri Support Team ที่มีเพื่อพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไข (Kaizen) รวมถึงการนำ Internet of Things (IoT) มาใช้เพื่อพัฒนาระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น สิ่งที่ได้กล่าวมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่กลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ดำเนินการขึ้นเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางให้สามารถเชื่อมโยงแก่ผู้ซื้อหรือตลาดจากประเทศต่าง ๆ ได้ นางสาวอาชัทยา สิมะโชคดี นักวิชาการอุตสาหกรรม กลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
07 ก.พ. 2022
แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค ประจำปี พ.ศ. 2566 – 2570
แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค ประจำปี พ.ศ. 2566 – 2570 ของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 - 11 และ ศูนย์วิจัยวัสดุอุตสาหกรรมสรา้งสรรค์ ถือเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในเชิงพื้นที่ และเป็นภารกิจสำคัญของหน่วยงานภูมิภาค ในการเชื่อมโยงเข้ากับการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมในระดับประเทศ รวมถึงการดำเนินโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นในพื้นที่อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่และเกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 2 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 5 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 6 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 8 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 แผนพัฒนาอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ศูนย์วิจัยวัสดุอุตสาหกรรมสรา้งสรรค์
14 ต.ค. 2021
โสดเป็นอาชีพ
โลกนี้มีคนโสดจำนวนไม่น้อย แล้วทางแก้ไข ทางออก หรือทางผลักดันสนับสนุนคืออะไร แล้วจะกลายเป็นการเปิดประตูของธุรกิจใหม่ได้หรือไม่? การจับธุรกิจคนโสดก็ต้องเริ่มจากการเลือกคำตอบให้ได้ก่อน ว่าคุณจะเลือกอยากหรือไม่อยาก อยากคือ โสดเพราะอยากโสดจริง (เหตุผลลึกลงไปก็เป็นเหตุผลส่วนบุคคล ก็ว่ากันตามนั้น) ไม่อยากคือ โสดจริงแต่ไม่อยากโสด ไม่ได้ตั้งใจโสด (อารมณ์เหงาเปล่าเปลี่ยวแต่อยู่คนเดียวแบบไร้คู่) แค่ 2 ตัวเลือกถึงจะโสดเหมือนกันแต่คำตอบก็ต่างกันแล้วค่ะ สิ่งสำคัญของการเริ่มต้นธุรกิจก็คือ การวิเคราะห์ลูกค้าที่เจ้าของธุรกิจต้องมองให้ชัดว่า Target Market คือใคร ยิ่งโฟกัสได้ชัดเจนและเข้าใจลูกค้าลึกซึ้งถึงความต้องการ (Need) เท่าไหร่ยิ่งดี เพราะโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย 1. ธุรกิจเสริมโสด(หากคุณเลือกธุรกิจสนับสนุนคนโสดที่ตั้งใจอยากโสดจริง ๆ) ตอนนี้ข่าวออกให้ครึกโครมว่าประชากรโลกลดลง คนเกิดน้อยคนสูงวัยมีมากจนเป็น Aging Society ยิ่งช่วงหลังมานี้มีกระแสว่าผู้หญิงนิยมครองตัวโสด จนไม่นานมานี้ถึงขั้นมีคนกล่าวว่า การที่ผู้หญิงไม่แต่งงานได้กลายเป็นเทรนด์เป็นแฟชั่นไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจำนวนสาวโสดมีมากกว่าชายโสด ยิ่งประเทศที่เศรษฐกิจมีการพัฒนาสูงยิ่งมีสัดส่วนคนโสดเป็นจำนวนมาก เช่น สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนคนโสดถึง 85 ล้านคน ส่วนประเทศในภูมิภาคเอเชียอย่างจีน มีจำนวนประชากรโสดสูงถึง 200 ล้านคน ขณะที่ประเทศไทย ปี 2562 มีประชากรกลุ่มนี้ประมาณ 15.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มี 13.8 ล้านคน การคิดธุรกิจควรเริ่มจากการตั้งคำถามง่าย ๆ เริ่มจากการ Clear cut ในสิ่งที่คนโสดจะขาดหายไปนอกจากคู่ชีวิตแล้วมีอะไรบ้าง คนโสดต้องการอะไรมาเติมเต็ม อะไรที่คนโสดไม่มีแต่มีความจำเป็นต้องมีในอนาคตอีกไม่รู้กี่สิบปีหรือในเวลาระยะอันสั้นข้างหน้า ต้องอย่าลืมว่าคนโสดอยู่คนเดียวไม่มีภาระต้องรับผิดชอบสูงเท่าคนที่มีครอบครัว เพราะฉะนั้นคนโสดจึงมีอำนาจและพลังในการจับจ่ายใช้สอยสูง เงินที่คนโสดหาจะหมดไปกับของกินที่ตอบสนองความชอบ ของใช้ที่ Support การใช้ชีวิตคนเดียว ซึ่งคนโสดในแต่ละ Generation ก็จะมีไลฟ์สไตล์และควาต้องการที่แตกต่างกันออกไปอีก Baby Boomer [1946-1964] กับ Gen X [1965-1980] สองกลุ่มนี้เน้นคุณค่าจากการอยู่เป็นโสด เริ่มมีความรอบคอบในการวางแผนการใช้ชีวิตรวมถึงการวางแผนทางการเงินมากขึ้น โดยมีการมองหาสินค้าหรือบริการที่อำนวยความสะดวกสบาย บางรายเริ่มมองหาธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงการซื้อบริการประกันชีวิตหรือการมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนระยะยาว อีกข้อมูลที่น่าสนใจของ Baby Boomer ที่หลายคนน่าจะรู้เกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ต ที่มีสัดส่วนการใช้งาน Facebook มากกว่าหนุ่มสาวถึง 19% หรือพฤติกรรมการโหลดเกมหรือ Streaming e-sport มากถึง 82% เห็นชัดถึงเวลาว่างที่มีมากและการเข้าสู่ Digizen ของคนวัยเกษียณ Millennial หรือ Gen Y 2021 [1981-1996] เป็นกลุ่มช่วงคนทำงานที่มีความยืดหยุ่น ในการจับจ่ายซื้อสินค้าค่อนข้างมาก เพราะไม่ต้องแบ่งเวลาในการดูแลครอบครัว สามารถบริหารเวลาในช่วงที่ว่างจากการทำงานได้ดีกว่า รวมถึงมีการวางแผนทางด้านการเงินเพื่อความมั่นคงของชีวิตไม่เข้มงวดมากนัก ซึ่งจากไลฟ์สไตล์ดังกล่าวทำให้รายได้ส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้จึงถูกใช้ไปในกิจกรรมที่สร้างความสมดุลให้ชีวิตและหน้าที่การงาน การเข้าสังคมโดยใช้ Co-Working Space ไปจนถึงธุรกิจร้านอาหารแบบ one - person restaurant ที่บริการลูกค้าที่มาคนเดียว ซึ่งเริ่มมีให้เห็นในไทยบ้างแล้ว สรุปง่าย ๆ Gen Y ใส่ใจในการใช้ชีวิตที่มีความสุขอย่างอิสระและเรียบง่าย 2. ธุรกิจสลายโสด (หากคุณเลือกธุรกิจช่วยเหลือคนโสดให้เจอรักแท้) การเกิดวิกฤติ COVID-19 ทำให้อัตราการมีลูกลดน้อยลงตามไปอย่างหลีกเลี่ยงยาก เนื่องจากมีการใช้มาตรการ Social distancing เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของ COVID-19 ไปทั่วโลก การพบปะผู้คนใหม่ ๆ จึงกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมากสำหรับคนโสด ส่งผลให้บริการหาคู่ออนไลน์เฟื่องฟู เป็นอุตสาหกรรมที่มีรายได้เพิ่มขึ้น โดย Dating Apps มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบระหว่างไตรมาสที่ 4 ปี 2562 และ ปี 2563 เติบโตเพิ่มขึ้น 19% และ 66% ของผู้ใช้งานคือกลุ่มคนอายุ 16 - 34 ปี ซึ่งในเดือนมกราคม 2564 เพียงเดือนเดียว Tinder แอปพลิเคชันหาคู่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ถูกดาวน์โหลดมากกว่า 6 ล้านครั้ง มีตลาดที่กำลังเติบโตคือตลาดเอเชีย เป็นสัดส่วนในจีนมากถึง 19% ของประชากรผู้ใหญ่ที่ใช้การหาคู่ออนไลน์ และเป็นอันดับ 1 ของแอปพลิเคชันที่คนยอมจ่ายเพิ่ม (Consumer Spend) ในปี 2563 เพื่อให้ได้เข้าถึงฟีเจอร์นั้น ๆ มากขึ้นอีกด้วย อีกตัวอย่างที่จับความโสดมาเล่นในธุรกิจก็คือบริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ที่ได้เปลี่ยนวันคนโสดเป็นโอกาสในการช้อปปิ้ง โดยได้เริ่มเปิดตัวมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ 11:11 ซึ่งในปีแรกสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 52 ล้านหยวนภายในวันเดียว ทำให้วงการ shopping เปลี่ยนไปรุนแรงยิ่งกว่า Black Friday งาน Sale หลังวันขอบคุณพระเจ้าของฝั่งสหรัฐอเมริกาที่มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2495 การหาคู่ออนไลน์ที่มาแรงในหลายปีมานี้ ทำให้เห็นว่าถึงจำนวนคนครองโสดจะเพิ่มขึ้นแต่จำนวนคนที่ต้องการหาคู่ก็มีเพิ่มขึ้นตามไม่ได้น้อยลงทั้งที่จำนวนคนเกิดใหม่ก็มีน้อย หรือแท้ที่จริงแล้วที่คนเหล่านี้ยังโสดเพราะในขั้นตอนการหาคู่เหล่านั้นที่มีอยู่ในปัจจุบันยังขาดอะไรบางอย่างที่จะมาเติมเต็มให้สมบูรณ์และทำให้หาคู่สำเร็จในจำนวนที่มากเพิ่มขึ้น แล้ว Gap ช่องว่างที่ว่าคืออะไร? (อันนี้คงต้องฝากผู้อ่านไปช่วยกันวิเคราะห์ในวงสนทนาเพิ่มเติม) แต่ที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดเพราะมีคนลงมือหาทางออกให้คนโสดบ้างแล้ว ก็เห็นจะเป็นคนที่มีหมุดต้องหาทางเพิ่มประชากรคนไทยให้ได้อย่างกระทรวงสาธารณสุขที่ออกแคมเปญโสดมีตติ้ง และของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอย่าง Single Journey เส้นทางสละโสด หรือจะเป็นคนที่มองเห็นโอกาสอย่าง EVA Airways ของไต้หวันที่ออกเที่ยวบินคนโสด Fly! Love is in the Air และการบินไทยที่มีแคมเปญสวดมนต์บนฟ้า ธุรกิจ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด หรือแคมเปญเฉพาะกิจเหล่านี้ ล้วนเป็นผลมาจากการวิเคราะห์สภาพภายนอก Environmental Analysis โดยการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค Customer Journey อย่างดีนั่นเอง เพราะทุกความสำเร็จล้วนมีที่มาที่ไป ไม่ใช่โชค(ชะตา)ช่วย บุพเพสันนิวาสชักนำ หรือพรหมลิขิต Destiny เหมือนอย่างความรักแน่นอน Pain point ที่เกิดจากความต้องการที่แท้จริงจะเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจที่ตอบสนองคนโสดให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอิสระเสรีในแบบของตัวเองได้อย่างแท้จริง ...สุดท้ายเมื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้เสร็จแล้ว ธุรกิจเพื่อคนโสดอาจไม่ใช่ Goods & Services หลักของธุรกิจคุณก็ได้ แต่ผลของการทุ่มเทศึกษา Need ของตลาดกลุ่มคนโสดในแต่ละ Gender ในแต่ละ Generation ด้วยความเข้าใจ มันอาจผลักดันให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ จนสามารถจุดประกายแนวคิดแล้วครีเอทสินค้าหรือบริการ จนนำไปสู่การแตกไลน์หรือเพิ่มแคมเปญเพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มนี้ กลายเป็น Business support ที่ตอบโจทย์คนโสดในสภาพสังคมและบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ผลลัพธ์นอกจากผลกำไรทางธุรกิจที่เกิดขึ้นแล้ว ธุรกิจคุณยังได้บุญไม่ทางตรงก็ทางอ้อมจากการเป็นผู้สนับสนุนความโสดอย่างเป็นทางการด้วย ทั้งจากการเสริมความโสดให้แข็งแกร่ง อย่างเช่นแพ็กเกจเอาใจคนโสดที่แก้ปัญหาขจัดอุปสรรคเพิ่มสีสันให้กับชีวิตทั้งการอยู่อาศัย การกิน การท่องเที่ยว สุขภาพ ไลฟ์สไตล์และความบันเทิงที่ต้องจัดพิเศษพรีเมียมเอาใจคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ และ จากการสลายความโสดทิ้งลงจากคาน อาทิเช่นกิจกรรมที่ต้องมีคู่ถึงทำร่วมกันได้ ก็ต้องผุดสินค้าและบริการมาเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไป พร้อมกับช่วยพวกเขาเหล่านั้นหาคู่กันให้โจ่งแจ้งไปเลย เอาให้ถูกจริตทั้งสายวิทย์ สายมู สายแซ่บ สายเขินไม่กล้าแสดงออก ให้คิดแบบบ้าเพ้อฝันที่คนชอบพูดกันว่า “ถ้ามีแบบนี้ก็ดีเนอะ” แล้วค่อยกรุยทางตามหลักธุรกิจไปทีละสเต็ปรับรองรายได้ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม “เพียงคุณจับจุดคนโสดให้ได้ คุณก็จะจับธุรกิจคนโสดได้” นางสาวชโลธร เงาปัดชา นักวิชาการอุตสาหกรรม กลุ่มศึกษาและพัฒนาระบบส่งเสริมอุตสาหกรรม กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ข้อมูลอ้างอิง 1. รายงาน Future Consumer 2021 - GlobalWebIndex [https://www.gwi.com/reports/trends-2021]2. รายงานเจาะเทรนด์โลก 2021 - TCDC [https://web.tcdc.or.th/th/Publication/Detail/Trend-2021-Reform-this-Moment] 3. Future Consumer 2023 [https://www.wgsn.com/en/]4. Singles worldwide - Statistics & Facts [https://www.statista.com/topics/999/singles/]5. เจาะลึกอินไซต์ “คนโสด” ตลาดใหญ่มาแรงที่แบรนด์และนักการตลาดต้องเกาะติด [https://www.brandbuffet.in.th/2020/09/kresearch-insight-single-market/]
29 ก.ค. 2021
Voice Matter
Twitter ส่ง “#TwitterSpace” ลงในสนามแพลตฟอร์มเสียงออนไลน์ตีตลาด Clubhouse Just-in: 1. Clubhouse ได้เปิดตัว application เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 สำหรับผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือระบบ Android ซึ่งเป็นเวลา 1 ปีกว่า ๆ นับตั้งแต่ช่วงพฤษภาคม2563 ที่ Clubhouse ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานโทรศัพท์ฯ ระบบ iOS 2. Twitter ได้เปิดตัวฟีเจอร์ (feature) Space อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 หลังจากที่ Clubhouse ได้แย่งส่วนแบ่งผู้ใช้งานของแพลตฟอร์มสื่อสารออนไลน์ (ในรูปแบบเสียง) มาได้ปีกว่า! 3. Work From Home ที่กินระยะเวลานานกว่าปกติ และทำให้ผู้บริโภคต้องทำงานหน้าคอมมากขึ้น การเสพสื่อออนไลน์ผ่านเสียงหรือการพูดคุยผ่านแอป ฯ จึงขึ้นเป็นที่นิยมมากขึ้น นับเป็นเวลาเกือบ 1 ปี 4 เดือน (วันที่ผู้เขียนเขียนบทความ: 8 มิถุนายน 2564) ที่คนไทยประสบกับการเปลี่ยนแปลงจาก Covid-19 แต่หากพยายามมองหาข้อดีข้อคงจะเป็นการที่ Covid-19 ได้สร้างแนวทางใหม่ ๆ ให้มนุษย์ได้ปรับตัวในการใช้ชีวิต จึงทำให้บริการสนทนากลุ่มในรูปแบบเสียงแบบออนไลน์เป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะ Clubhouse แอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือระบบ iOS (iPhone) ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้งานได้เพิ่มความสะดวกในการสัมมนาออนไลน์เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น การสัมมนามีประเด็นหลากหลายที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เช่น การหาทางออกของผู้ประกอบการ SMEs, ไทยการเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่, การเยียวยาจิตใจในสภาวะวิกฤติ หรือธรรมะยามเช้า โดยลักษณะของการใช้ Clubhouse นั้นเพียงแค่มีโทรศัพท์ iPhone 1 เครื่อง (ณ ขณะนั้น) ขั้นตอนต่อมาผู้ใช้งานต้องได้รับการเพิ่มเพื่อนและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของห้อง ซึ่งมีองค์ประกอบหลัก ๆ คือ 1) Host 2) Moderator 3) Speaker และ 4) Participants โดยความสนุกในการใช้งานคือ ผู้ใช้งานที่มีชื่อเสียงมักจะแวะเวียนเข้ามาพูดคุยทั้งประเด็นที่ตนถนัดและประเด็นที่เราคาดไม่ถึง! และถ้าใครติดตามข่าวหรือเล่นโซเชียลช่วงนี้ก็จะเห็นว่า Twitter เองก็ออกฟีเจอร์ Space ที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างห้อง (Space room) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างผู้ใช้งานได้ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกก็แล้วกัน ที่ผ่านมาการเข้าสู่ยุค New Normal ก็พาให้เรารู้จักสนิทสนมกับการประชุม Zoom Meeting การสัมมนา Webinar และทำให้เรารู้จักเพื่อนใหม่ทีสร้างความสุขการรีแล็กซ์ด้วยเสียงอย่าง Podcast ซึ่งก็ต้องยอมรับในข้อดีและข้อเสียอย่างเนื้อหาที่ยังเข้าไม่ถึงกลุ่มผู้ฟังและมีการใช้งานที่เป็นทางการจนไม่น่าใช้งาน พอของเล่นใหม่อย่าง Clubhouse และ Twitterspace เกิดขึ้นในสังคมออนไลน์ประเภทเสียง ด้วยความสดใหม่และรูปแบบที่สร้างความตื่นเต้นให้ผู้บริโภคจนได้รับความนิยมในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยทั้งสองแอปฯ มีจุดเด่นกันคนละด้าน โดย Clubhouse ให้ประสบการณ์เล่าเรื่องราวในหัวข้อที่หลากหลาย ให้ความรู้สึกที่จริงจัง เสียงของผู้สนทนาไม่มีความล่าช้า และแอป ฯ ค่อนข้างเสถียรในการใช้งาน ในขณะที่ Twitter ให้ประสบการณ์ในการเปิดเผยตัวตนได้มากกว่าผ่านข้อความทางหน้าไทม์ไลน์ ผู้พูดสามารถหยิบยกเนื้อหา (content) ในรูปแบบภาพหรือวิดีโอสั้น ๆ ประกอบการสนทนาได้ และการพูดคุยใน Twitterspace ก็สามารถสร้างความสัมพันธ์จากการกดติดตามและสามารถสร้างห้องเพื่อพูดคุยในกลุ่มผู้ใช้งานเดิม ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่างกับ Clubhouse ที่คนแปลกหน้าสามารถเข้ามาร่วมสนทนาได้ ทั้งนี้ ผู้อ่านจะเห็นได้ว่า แค่ใช้เวลาเพียง 1 ปี พฤติกรรมของผู้บริโภคในการเสพสื่อออนไลน์ก็เปลี่ยนไป ทิศทางของการใช้งานเพื่อสนทนาผ่านแอป ฯ ยังมีอนาคตและสามารถต่อยอดได้อีกไกล Clubhouse และ Twitterspace ที่เห็นวิกฤตในโอกาสนี้ได้ผลักดันแพลตฟอร์มการสนทนาออนไลน์ซึ่งอาจจะไม่ขึ้นมาเป็นสังคมออนไลน์เบอร์หนึ่งในเร็ว ๆ นี้ แต่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของสังคมออนไลน์ที่น่าสนใจ เพราะการใช้เสียงเพื่อการสื่อสารนั้นทรงพลัง เข้าถึงได้ง่าย และแสดงตัวตนของปัจเจกบุคคลนั้น ๆ ได้ชัดเจนที่สุดนั่นเอง ผู้อ่านลองเล่นหรือยังครับ ถ้าลองแล้วชอบอะไรมากกว่าหรือมองเห็นข้อดีข้อด้อยเหมือนหรือต่างจากผมครับ เมรนด์มาแล้วก็ไป แต่ถ้าเราศึกษาอย่างเข้าใจลึกลงไปเราจะได้แนวคิดการเริ่มต้นใหม่หลายข้อเลยครับ นายนนท์ เนียมสุวรรณ นักวิชาการอุตสาหกรรมปฏิบัติการ กลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน
30 มิ.ย. 2021
Line Meeting คุณลองหรือยัง?
การถ่ายทอดความรู้ เรื่องการใช้งาน Line Meeting วิธีใช้ LINE Meeting ฟีเจอร์สำหรับการโทรวีดีโอคอลไลน์แบบกลุ่มแบบใหม่ โดยไม่ต้องเข้า LINE Group ก่อนโทร เพียงแค่แชร์ลิงก์ คลิกกดเข้าประชุมกันได้ทันที ไม่ต้องสร้างห้องสนทนาหรือเชิญเข้ากลุ่มใน LINE Group ก่อนแต่อย่างใด และไม่ต้องทำการแอดเป็นเพื่อนด้วย เลยมาลองดูวิธีการใช้และทดลองใช้ LINE Meeting นี้กัน วิธีใช้ LINE Meeting บนมือถือ เริ่มจากเปิดแอป LINE แตะที่แท็ปแชทจะเจอไอคอน LINE Meeting สัญลักษณ์รูปกล้องวีดีโอด้านบน หลังจากนั้นแตะเข้าไป (ดูรูปซ้ายสุด) กรณีเข้าครั้งแรก ก็จะเจอแนะนำฟีเจอร์ LINE Meeting นั่นเอง (ตามรูปกลาง) แตะที่สร้างการประชุมได้เลย ดูที่รูปด้านขวามือจะเจอชื่อห้อง “การประชุมของ (ชื่อไลน์ของเรา)” สามารถกดปุ่มเชิญ เพื่อเชิญเพื่อนๆ ใน LINE เข้าห้องได้ หรือแตะที่คัดลอกลิงก์ เพื่อแชร์ห้อง LINE Meeting ให้คนอื่นได้เข้าร่วมกัน ทั้งนี้หากต้องการเปลี่ยนชื่อห้องประชุม สามารถแตะที่ Icon ดินสอด้านหลังชื่อ เพื่อแก้ไขชื่อใหม่ และสามารถสร้างแยกอีกห้องนึงเลยก็แตะสร้างการประชุม และไปเปลี่ยนชื่อห้องตรงที่เพิ่งสร้างห้องประชุมเมื่อครู่นี้ หากพร้อมแล้วก็แตะ ปุ่มสีเขียว “เริ่มประชุม” ได้เลย ก่อนจะเข้าสู่หน้าจอก่อนเข้าห้องประชุม ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนพื้นหลัง , ฟิลเตอร์ , เอฟเฟ็กต์ใบหน้าได้ หากไม่อยากเปิดกล้องให้ใครเห็นใบหน้า สามารถเลือกปิดกล้องวีดีโอได้ก่อนเริ่มประชุม เมื่อเจ้าของห้องเข้าห้องประชุมแล้วสามารถดูว่ามีคนอื่นเข้ามาไหม เจ้าของห้องสามารถเชิญเพื่อนเข้าห้องเพิ่ม หรือลบคนออกจากห้องประชุมได้ รองรับเพื่อนๆ เข้าร่วมห้องประชุมได้สูงสุด 500 คน รูปแบบคล้ายๆ กับ GROUP Video Calling ของ LINE Group รองรับการคุยแบบเห็นหน้าหลายคน และสามารถย่อขนาดเป็นวีดีโอ POP-UP มุมจอมือถือเลื่อนย้ายจอได้ตามต้องการ สามารถแชร์คลิป YouTube เพื่อดูด้วยกันกับเพื่อนๆ ในห้องได้ หรือแชร์หน้าจออธิบายกับเพื่อนๆ ใน LINE Meeting ได้ด้วยเพียงแตะไอคอนขวามือ แล้วเลือก YouTube หรือ แชร์หน้าจอหากต้องการยกเลิกก็แตะที่ X มุมขวาบนของแอปพลิเคชัน LINE เพื่อออกจากห้องประชุมได้เลย ทั้งนี้ลิงก์ห้องประชุมมีอายุ 14 วันนับจากคนออกจากลิงก์ LINE Meeting รองรับได้สูงสุด 500 คนทั้งจากผู้ใช้แอปพลิเคชัน LINE บนมือถือ และ LINE PC 6.2.0 ขึ้นไป ดังนั้นอย่าลืมอัปเดตแอปพลิเคชัน LINE เพื่อรับฟีเจอร์ล่าสุด LINE Meeting ก่อนใช้งานนะครับ ข้อดีของการใช้ LINE Meeting 1. ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกันในไลน์ เพียงแค่มีลิงก์ก็สามารถเข้าร่วมประชุมได้ 2. สามารถประชุมได้ 24 ชั่วโมงต่อการประชุม 1 ครั้ง 3. รองรับผู้ใช้งานได้สูงสุด 500 คน 4. ให้บริการฟรี ข้อเสียของ LINE Meeting 1. ไม่สามารถบันทึก VDO ขณะประชุมได้ 2. Host ไม่สามารถปิดไมค์ผู้เข้าร่วมประชุมได้ ทำได้แค่เชิญออกจากห้องเท่านั้น 3. แอปพลิเคชันไม่ค่อยเสถียร ถ้าเวลาเร่งด่วนผู้เข้าร่วมประชุมล้นหลามจนไม่สามารถใช้ Zoom ฟรีที่จำกัดทั้งจำนวนคนและเวลาการจัดประชุม จะใช้ Line Call ก็ไม่ได้อีก ...Line Meeting อาจเป็น 1 ในตัวเลือกในยามคับขันที่ตอบโจทย์จำนวนคนได้ถึง 500 คน แถมยังใช้ได้ฟรี การประชุมที่คุณกำหนดไว้ก็จะสำเร็จเสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน ลองประเมินข้อดีข้อเสียและเลือกนำไปใช้ให้เหมาะในแต่ละสถานการณ์กันดูนะคะ นางสาวนภกานต์ ศรีอุ่นรี นักวิชาการอุตสาหกรรมปฏิบัติการ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
17 มิ.ย. 2021
ขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ยังไงให้ยังได้ราคาดี
วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก การมีวิกฤตโรคระบาดดังกล่าว หมายความว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างที่จำเป็นที่จะต้องถูกยกเลิกเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ด้วยเหตุนี้ จำนวนคนที่ตกงานก็เลยเพิ่มมากขึ้น คนที่มีกำลังซื้อก็ลดน้อยลง สุดท้ายนี้ก็เป็นที่แน่นอนว่าการบริโภคก็จะลดน้อยลง การขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ให้ยังได้ราคาดีในสภาวะดังกล่าวนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ต่างออกโปรโมชันมาเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ยังใช้บริการแพลตฟอร์มของตน จนบางทีสามารถทำให้ผู้ขายหลาย ๆ ท่านนั้นขาดทุนไปตาม ๆ กัน แล้วเราจะขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์อย่างไรให้คงไว้ซึ่งกำไร? 1. เริ่มจากการเลือกสินค้าขั้นพื้นฐาน การขายเสื้อผ้ามือสองนั้น มีปัจจัยให้ต้องใส่ใจไม่แพ้กับการขายเสื้อผ้ามือหนึ่งหากผู้ขายอยากเพิ่มโอกาสการสร้างกำไรจากสินค้า ถึงจะเป็นของมือสอง สินค้าก็ยังควรอยู่ในสภาพเดิม 80% – 90% 2. ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายมากกว่าหนึ่งช่องทาง ในปัจจุบัน ผู้ขายมีทางเลือกมากมายในการที่จะทำให้สินค้าของตนเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ รวมไปถึงเรื่องการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า การติดตามผล และการให้บริการหลังการขาย โซเชียลมีเดียและอีมาร์เก็ตเพลสถือเป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจสำหรับการเข้าถึงผู้บริโภค ผู้ขายที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้วในระดับหนึ่ง สามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า หรือเป็นช่องทางในประชาสัมพันธ์สิ่งต่าง ๆ มากกว่าขายตรง ๆ เพื่อให้เกิดการโน้มน้าวหรือสร้างแรงบันดาลใจในการตัดสินใจซื้อสินค้า แต่ถ้าหากผู้ขายยังไม่มีฐานลูกค้า ไม่ได้ต้องการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หรือไม่ได้ต้องการขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์เป็นอาชีพหลัก ผู้ขายสามารถใช้แค่แพลตฟอร์มต่าง ๆ ประเภทอีมาร์เก็ตเพลส อย่าง ลาซาด้า ช้อปปี้ หรือเจดี เซ็นทรัล เป็นสื่อกลางการติดต่อซื้อ-ขายได้ 3. รูปสินค้าต้องชัด สวย และบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้านั้น ๆ รูปภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการโน้มน้าวหรือสร้างแรงบันดาลใจในการตัดสินใจซื้อสินค้า ดังนั้นควรถ่ายรูปสินค้าทุกชิ้นออกมาให้ดูดี เพราะรูปถ่ายนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถเพิ่มโอกาสการขายให้ผู้ขายได้มากไม่แพ้ข้อแนะนำอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม รูปที่ถ่ายออกมาก็ต้องตรงกับความเป็นจริง หากสินค้ามีตำหนิก็ต้องถ่ายรูปเฉพาะส่วนที่มีตำหนิ และไม่ควรแต่งรูปหรือปรับแสงจนสีของสินค้าเพี้ยนไป 4. รู้จักวิธีรับมือกับการถูกต่อราคา และการจัดโปรโมชั่น การถูกต่อราคา การลด การแจก และการแถม เป็นสิ่งที่ผู้ขายของออนไลน์นั้นเลี่ยงที่จะเผชิญไม่ได้ การจัดโปรโมชั่นสามารถนำมาใช้เพื่อเรียกลูกค้าได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้บ่อยเพื่อป้องกันการที่ลูกค้าจะรอซื้อแต่ของราคาถูก แต่ถ้าเป็นในสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้ เพราะทุกแพลตฟอร์มต่างต้องการให้ผู้บริโภคใช้บริการแพลตฟอร์มของตน ดังนั้น ผู้ขายต้องมีความหนักแน่นในราคาที่ตนเองได้ตัดสินใจตั้งไว้ ทั้งสองฝ่ายสามารถถามหาราคากลางของกันและกันได้ แต่ถ้าหากลูกค้าไม่สามารถจ่ายในราคาที่เหมาะสมได้จริงๆ การปฏิเสธลูกค้าตรง ๆ นั้นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร 5. ต้องทำอะไรเร็ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการขายของออนไลน์คือความรวดเร็ว ตอบเร็ว ปิดการขายไว และส่งเร็ว การที่ผู้ขายสามารถตอบข้อความของลูกค้าได้เร็วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะการตอบคำถามที่รวดเร็วจะแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและต้องการขายสินค้าจริงๆ รายงานจาก FACEBOOK For Business ได้กล่าวไว้ว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจซื้อกับแม่ค้าที่ตอบคำถามเร็ว ตอบดี และตรงประเด็น โดย 54% นั้นซื้อสินค้าหรือบริการผ่านการส่งข้อความเป็นหลัก และอีก 54% ก็ยังให้สัมภาษณ์ว่าประสบการณ์การซื้อของออนไลน์ครั้งแรกของพวกเขาเกิดขึ้นจากการสั่งซื้อสินค้าผ่านแชทอีกด้วย หวังว่าข้อแนะนำ 5 ข้อขากผู้เขียนจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย การขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์นั้นสามารถคืนเงินจำนวนหนึ่งมาให้เราได้ไม่ยาก เพราะผู้ขายมีแพลตฟอร์มมากมายที่สามารถทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก ลูกค้าแต่ละท่านที่เข้ามานั้นต่างก็มีความต้องการซื้อมากเป็นทุนอยู่แล้ว จึงทำให้มีโอกาสขายได้มากนั่นเอง นอกจากนี้การขายของออนไลน์ยังลงขายง่าย และมีต้นทุนค่อนข้างต่ำ ยิ่งในปัจจุบัน อัตราการเข้าถึงและการใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นมีอัตราที่สูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่กำลังเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 สาเหตุหลักก็เพราะมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคของแต่ละประเทศที่ขอความร่วมมือให้ประชาชนของตนอยู่บ้าน เวลาในการใช้ชีวิตในโลกออนไลน์ก็เลยเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายความว่าผู้ขายก็มีโอกาสที่จะได้พบปะกับลูกค้าจำนวนมากขึ้นเช่นกัน ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนให้ผ่านวิกฤตดังกล่าวไปด้วยกันนะคะ นางสาวปวิชญา ศักยาภินันท์นักวิเทศสัมพันธ์ กลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อ้างอิง https://www.mycloudfulfillment.com/e-commerce-social-media-e-marketplace/ https://www.page365.net/all-articles/sell-your-antiques-online https://cheechongruay.smartsme.co.th/content/26457 https://business.facebook.com/iq/insights-to-go?tags[0]=thailand&tags[1]=people-insights&__tn__=-UKH-R https://wearesocial.com/blog/2020/01/digital-2020-3-8-billion-people-use-social-media
20 พ.ค. 2021
เปลี่ยนวิธีคิด ลองผลิตแบบโตโยต้า
หากเราพูดถึงยี่ห้อรถชั้นนำที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ท่านผู้อ่านหลาย ๆ ท่านคงจะนึกถึงแบรนด์ “โตโยต้า” เป็นอันดับต้น ๆ เลยใช่หรือไม่คะ แต่ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า ไม่เพียงแค่รถยนต์หลากหลายรุ่นที่โตโยต้า ได้สรรสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ในรูปแบบต่าง ๆ ของกลุ่มลูกค้าเท่านั้น แต่ “ระบบการผลิตแบบโตโยต้า” หรือ “Toyota Production System (TPS)” ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของโตโยต้าอีกด้วยค่ะ เราลองมาดูกันนะคะว่าระบบการผลิตแบบโตโยต้ามีวิธีการคิดอย่างไร และจะนำไปประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตในกิจการของเราได้อย่างไรค่ะ ระบบการผลิตแบบโตโยต้า (TPS) เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะลดสาเหตุที่ส่งผลต่อคุณภาพของกระบวนการผลิต และมุ่งสู่การตกผลึกกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งระบบการผลิตแบบโตโยต้า ในปัจจุบันนี้ ก็เป็นผลมาจากการพัฒนาต่อยอดจากประสบการณ์ที่ทางโตโยต้าได้สั่งสมมานี่เองค่ะ สำหรับหัวใจหลักของระบบการผลิตแบบโตโยต้า นั้น มีด้วยกันทั้งสิ้น 2 ประการนะคะ อันดับแรกคือ การควบคุมอัตโนมัติ (Autonomation) หรือ Jidoka ที่มาจากแนวคิดที่สามารถหยุดการเดินเครื่องได้อย่างทันท่วงที หากพบสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ (Defect) และการผลิตแบบทันเวลา (Just In Time) ที่มาจากแนวคิดที่จะผลิตแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้นในแต่ละขั้นตอนอย่างลื่นไหล ภายใต้หัวใจหลักทั้ง 2 ประการข้างต้นนี้เองนะคะ ที่ทำให้โตโยต้าสามารถผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพ ส่งถึงมือผู้บริโภคอย่างเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนในการผลิตค่ะ เอาล่ะค่ะ เราจะลองมาศึกษาไปพร้อมๆ กันว่า Jidoka และ Just In Time นั้น คืออะไรและถูกนำไปใช้อย่างไรบ้างนะคะ การควบคุมอัตโนมัติ หรือ Jidoka อย่างที่ท่านผู้อ่านได้ทราบแล้วนะคะว่า Jidoka นั้น เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะควบคุมคุณภาพการผลิต ไม่ต้องการผลิตของเสีย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถเปลี่ยนระบบเป็นการควบคุมอัตโนมัติได้ทันทีนะคะ เพราะเราจะต้อง “ไคเซ็น (Kaizen)” หรือการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิตก่อนค่ะ สำหรับเครื่องมือที่เราใช้ในการไคเซ็นนั้น ท่านผู้อ่านอาจจะใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์อย่าง P-D-A-C เพื่อหาปัญหา หรือสาเหตุที่ทำให้คุณภาพการผลิตลดลง และเมื่อหาเจอแล้วก็ทำการปรับปรุงกระบวนการผลิตในเบื้องต้นก่อน ซึ่งโตโยต้า ก็ได้บอกเราเอาไว้นะคะว่าสาเหตุที่ทำให้คุณภาพการผลิตลดลง นั้น มีด้วยกัน 3 อย่าง ได้แก่ 1. Muda การทำงานที่ไม่เกิดประโยชน์ในกระบวนการผลิต 2. Mura ความไม่สม่ำเสมอในกระบวนการผลิต 3. Muri การรับภาระเกินขีดจำกัดของบุคลากรและเครื่องจักรนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ บุคลากรของเราต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญและเข้าใจกระบวนการผลิตอย่างแท้จริงค่ะ ไม่ว่าใครทำก็ต้องได้ผลงานออกมาเหมือนกัน โดยไม่ได้มีตัวบุคคลเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพของชิ้นงานนะคะ ถ้าทำได้แบบนี้แล้วเราจึงจะนำการควบคุมอัตโนมัติ หรือ Jidoka เข้ามาใช้ได้ค่ะ การผลิตแบบทันเวลา หรือ Just In Time Just In Time ถูกริเริ่มโดย คุณ Kiichiro TOYODA หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท โตโยต้า และประธานบริษัท โตโยต้า รุ่นที่ 2 ค่ะ Just In Time นั้น มีแนวคิดง่าย ๆ คือ การผลิตของที่จำเป็นในเวลาที่จำเป็น และผลิตแค่จำนวนที่ต้องการ เพราะเป้าหมายหลักของ Just In Time ก็คือการลดสาเหตุที่ทำให้คุณภาพการผลิตลดลง หรือที่เราเรียกว่า Muda Mura และ Muri เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพด้วยกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ จากแนวคิดนี้เอง เราสามารถกล่าวได้ว่า Just In Time นั้น นำเอาความต้องการของผู้บริโภคมาเป็นตัวกำหนดปริมาณการผลิต และใช้ระบบดึง (Pull System) ซึ่งเป็นระบบที่จะผลิตตามความต้องการของขั้นตอนถัดไปในกระบวนการผลิตเท่านั้น ในการควบคุมการผลิตให้เป็นไปตามความต้องการโดยไม่เกิดของเหลือค่ะ การจะนำระบบ Just In Time ไปใช้ในโรงงาน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการกำจัด Muda Mura และ Muri ออกไปจากกระบวนการผลิตของเราเสียก่อนค่ะ ซึ่งเราสามารถทำได้หลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น การวางแผนสายการผลิตที่มีประสิทธิภาพที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่ต้องเสียเวลาเดินไปเดินมา ไม่เกิดการเคลื่อนย้ายวัสดุในระยะทางที่มากเกินไป ไม่เกิดการปฏิบัติงานที่ไม่จําเป็น ไม่ต้องรอคอยในแต่ละขั้นตอน ไม่มีวัตถุดิบหรือสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้วมากเกินไป และไม่มีการผลิตสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ เป็นต้นค่ะ ถ้าเราทำได้แบบนี้แล้ว ก็จะทำให้เราสามารถลดต้นทุนการผลิต และการจัดเก็บสินค้าคงคลังได้ค่ะ การปรับปรุงกระบวนการผลิตภายใต้แนวคิด Just In Time ควบคู่ไปกับ Jidoka จะทำให้เราสามารถลดปริมาณสินค้าที่เสียหายหรือไม่ได้มาตรฐานได้ และยังช่วยให้การไหล (Flow) ของกระบวนการผลิตของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งจะช่วยลดเวลาทํางานของผู้ปฏิบัติงานในขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้า การรอคอยการขนส่ง และสามารถป้องกันการเกิดของเสีย (Waste) จากสินค้าที่เสียหาย หรือคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐานได้อีกด้วยค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับระบบการผลิตแบบโตโยต้า หรือ TPS ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ การลดต้นทุนอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการประคองกิจการของเราต่อไปในวันข้างหน้านะคะ เริ่มต้นง่าย ๆ จากการค้นหาปัญหาภายในโรงงานของเรา กำจัดมันทิ้งไป และเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการผลิตของเราค่ะ จริง ๆ แล้ว ระบบการผลิตแบบโตโยต้ายังมีเครื่องไม้เครื่องมืออีกมากที่น่าสนใจอีกมาก หากมีโอกาสก็จะขอนำมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านได้ลองศึกษากันใหม่ค่ะ นางสาวเขมณัฏฐ์ เป็นเอกวงศ์ นักวิชาการอุตสาหกรรมปฏิบัติการ กลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มา : https://global.toyota/jp/company/vision-and-philosophy/production-system/#:~:text=%E3%83%88%E3%83%A8%E3%82%BF%E7%94%9F%E7%94%A3%E6%96%B9%E5%BC%8F%E3%81%AF%E3%80%81%E3%80%8C%E7%95%B0%E5%B8%B8,%E3%81%A8%E3%81%97%E3%81%A6%E7%A2%BA%E7%AB%8B%E3%81%95%E3%82%8C%E3%81%BE%E3%81%97%E3%81%9F%E3%80%82 https://www.softbankthai.com/Article/Detail/906
14 พ.ค. 2021